top of page
Search

กลยุทธ์การเทรดโดยใช้ Pip: Scalping vs Swing Trading แบบไหนเหมาะกับคุณ?(Trading Strategies Using Pip: Scalping vs Swing Trading – Which One Suits You?)

  • Writer: SpringZol
    SpringZol
  • Mar 15
  • 2 min read

📌 Pip คืออะไร? ทำไมมันสำคัญต่อการเทรด?

ก่อนที่เราจะลงลึกถึงกลยุทธ์การเทรด Scalping และ Swing Trading เราต้องเข้าใจก่อนว่า Pip คืออะไร และมีผลต่อการเทรดของเราอย่างไร


📌 Pip (Price Interest Point) คือ หน่วยวัดการเปลี่ยนแปลงของราคาในตลาด Forex และทองคำ เช่น:

  • EUR/USD จาก 1.1000 → 1.1001 = ขยับขึ้น 1 Pip

  • XAU/USD (ทองคำ) จาก 2900.50 → 2900.60 = ขยับขึ้น 1 Pip


📢 Pip คือปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดกำไร-ขาดทุนของเทรดเดอร์ และกลยุทธ์การเทรดแต่ละแบบก็ใช้ Pip ในการวางแผนที่แตกต่างกัน



ree


🔥 กลยุทธ์ที่ 1: Scalping – เก็บกำไรเร็วในระยะสั้น

📌 Scalping คืออะไร?Scalping เป็นกลยุทธ์ที่ เข้า-ออกออเดอร์ภายในเวลาไม่กี่วินาทีถึงนาที โดยเป้าหมายคือ เก็บกำไร 5-10 Pip ต่อออเดอร์ แต่เทรดหลายครั้งต่อวัน


✅ Scalping เหมาะกับใคร?

✔️ เทรดเดอร์ที่ต้องการทำกำไรจากความเคลื่อนไหวของราคาเล็ก ๆ น้อย ๆ✔️ คนที่ชอบเทรดเร็ว เข้าไว-ออกไว✔️ คนที่มีเวลานั่งหน้าจอเฝ้ากราฟตลอดวัน


📌 วิธีใช้ Pip ในการ Scalping

  • เทรดบน Timeframe 1M, 5M

  • ตั้งเป้าหมาย 5-10 Pip ต่อออเดอร์

  • ใช้ Moving Average (EMA 9 & EMA 21) หาจังหวะเข้า

  • ตั้ง Stop Loss 5-10 Pip เพื่อป้องกันการขาดทุนหนัก

  • เลือก โบรกเกอร์ที่มี Spread ต่ำ เพื่อให้ต้นทุนการเทรดต่ำลง


📌 ตัวอย่างการคำนวณกำไรจาก Scalping

  • เปิดออเดอร์ 0.1 Lot (Mini Lot) → 1 Pip = $1

  • เทรด ได้กำไร 10 Pipกำไร $10

  • ถ้าเทรด 10 ครั้งต่อวัน → อาจได้กำไร $100 ต่อวัน


ข้อเสียของ Scalping:

  • ต้องมี โบรกเกอร์ที่มี Execution เร็ว & Spread ต่ำ

  • ต้องนั่งเฝ้ากราฟตลอดเวลา

  • ถ้าเจอ Slippage อาจทำให้พลาดโอกาสทำกำไร



📊 กลยุทธ์ที่ 2: Swing Trading – ถือออเดอร์หลายวันเพื่อกำไรที่มากขึ้น


📌 Swing Trading คืออะไร?Swing Trading เป็นการเทรดที่ เน้นจับแนวโน้มของตลาดในช่วงกลาง-ยาว โดยมักถือออเดอร์ 2-7 วัน หรือเป็นสัปดาห์


✅ Swing Trading เหมาะกับใคร?

✔️ เทรดเดอร์ที่ไม่มีเวลานั่งเฝ้ากราฟทั้งวัน✔️ คนที่ต้องการถือออเดอร์เพื่อเก็บกำไร 50-200 Pip ต่อครั้ง✔️ เทรดเดอร์ที่ใช้การวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้าน


📌 วิธีใช้ Pip ในการ Swing Trading

  • เทรดบน Timeframe 4H, Daily

  • ใช้ Fibonacci Retracement เพื่อหาจุดเข้า-ออก

  • ตั้ง Stop Loss ที่ 50-100 Pip ตามความเสี่ยง

  • ใช้ Risk-Reward Ratio 1:2 หรือ 1:3 เพื่อให้กำไรต่อออเดอร์คุ้มค่า


📌 ตัวอย่างการคำนวณกำไรจาก Swing Trading

  • เปิดออเดอร์ 1.0 Lot (Standard Lot) → 1 Pip = $10

  • ถ้าได้กำไร 100 Pipกำไร $1,000

  • เทรดเพียง 3-4 ครั้งต่อเดือน ก็อาจทำกำไรหลักพันดอลลาร์


ข้อเสียของ Swing Trading:

  • ต้องอดทนรอให้ราคาถึงเป้าหมาย

  • อาจต้องถือออเดอร์ข้ามคืน ซึ่งมีค่า Swap

  • บางครั้งราคาย่อตัวแรง ทำให้ถูก Stop Loss



🔍 Scalping vs Swing Trading: แบบไหนเหมาะกับคุณ?

📌 เปรียบเทียบ Scalping และ Swing Trading

คุณสมบัติ

Scalping

Swing Trading

Timeframe ที่ใช้

1M, 5M

4H, Daily

เป้าหมาย Pip ต่อออเดอร์

5-10 Pip

50-200 Pip

ระยะเวลาถือออเดอร์

ไม่กี่วินาที - ไม่กี่นาที

หลายวัน - หลายสัปดาห์

Risk-Reward Ratio

1:1 หรือ 1:1.5

1:2 หรือ 1:3

โบรกเกอร์ที่เหมาะสม

Spread ต่ำ, Execution เร็ว

โบรกเกอร์ที่รองรับการถือออเดอร์ข้ามคืน

ต้องใช้เวลาหน้าจอมากแค่ไหน?

ต้องเฝ้าตลอด

ไม่ต้องเฝ้าตลอด



💡 สรุป: Scalping หรือ Swing Trading ดีกว่ากัน?

✅ ถ้าคุณ ชอบเทรดเร็ว กำไรเร็ว แต่เสี่ยงสูงScalping เหมาะกับคุณ!

✅ ถ้าคุณ ต้องการถือออเดอร์นานขึ้น กำไรต่อครั้งมากขึ้นSwing Trading คือคำตอบ!


💡 เทคนิคที่ดีที่สุดคือการทดลองทั้งสองกลยุทธ์ในบัญชีทดลอง (Demo) ก่อน แล้วดูว่าแบบไหนเหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณมากที่สุด

📌 แล้วคุณล่ะ? เป็นสาย Scalping หรือ Swing Trading?

 
 
 

Comments


bottom of page