เทคนิคการตั้ง Stop Loss และ Take Profit ให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ
- SpringZol
- Mar 29
- 3 min read
(How to Set Stop Loss and Take Profit Properly for Your Trading Style)

📌 ทำไมการตั้ง Stop Loss (SL) และ Take Profit (TP) ถึงสำคัญ?
ถ้าคุณเคยล้างพอร์ต หรือเสียเงินเพราะไม่ตั้ง Stop Loss (SL) มาก่อน คุณจะเข้าใจทันทีว่า "เทรดแบบไม่มีแผน ก็เหมือนเดินในป่ามืด" 😓
และถ้าคุณเคยปล่อยกำไรไหลหายไป เพราะไม่ตั้ง Take Profit (TP) คุณก็คงรู้สึกเสียดายไม่น้อย!
✅ Stop Loss (SL) คือ จุดตัดขาดทุน ที่ช่วยจำกัดความเสียหายเมื่อราคาวิ่งสวนทาง
✅ Take Profit (TP) คือ จุดทำกำไร ที่ช่วยล็อคกำไรเมื่อราคาวิ่งไปถึงเป้าหมาย
💡 การตั้ง SL และ TP ที่เหมาะสม จะช่วยให้คุณอยู่รอดในตลาดและทำกำไรอย่างยั่งยืน
📊 ประเภทของ Stop Loss ที่เทรดเดอร์ควรรู้
1️⃣ Fixed Stop Loss (SL ตายตัว)
✅ ตั้ง Stop Loss ไว้ที่ระดับราคาคงที่ เช่น 10-20 Pip จากจุดเข้าเทรด
✅ เหมาะกับตลาดที่มีความผันผวนต่ำ หรือคู่เงินที่เคลื่อนไหวไม่แรง
📌 ตัวอย่าง:
เทรด EUR/USD → ตั้ง SL ไว้ที่ 10 Pip ใต้แนวรับ หรือเหนือแนวต้าน
เทรดทองคำ (XAU/USD) → ตั้ง SL ไว้ที่ 20 Pip จากจุดเข้าเทรด
❗️ ข้อเสีย: อาจโดน Stop Loss บ่อย หากราคาผันผวนหนัก
2️⃣ Trailing Stop (SL เลื่อนตามกำไร)
✅ ตั้ง Stop Loss ให้ขยับตามราคาที่วิ่งไปในทิศทางที่คุณเทรด
✅ เหมาะกับการเทรดแบบเทรนด์ (Trend Following)
📌 ตัวอย่าง:
ถ้าคุณ Buy EUR/USD และราคาวิ่งไปทางบวก +50 Pip → Trailing Stop จะขยับขึ้นมาใกล้จุดเข้าทำให้คุณ ล็อคกำไรได้
ถ้าราคาย้อนกลับ → ระบบจะปิดออเดอร์ที่ SL ใหม่ (ซึ่งขยับมาใกล้จุดเข้ากว่าเดิม)
❗️ ข้อเสีย: อาจโดน Stop Out ก่อนราคาวิ่งไปถึง TP
3️⃣ ATR Stop (ใช้ Average True Range กำหนด SL)
✅ ใช้ ATR (Average True Range) คำนวณความผันผวนของตลาด แล้วตั้ง SL ตามความผันผวน
✅ เหมาะกับการเทรดในตลาดที่มีความผันผวนสูง เช่น ทองคำ หรือคริปโต
📌 ตัวอย่าง:
ถ้า ATR ของ EUR/USD อยู่ที่ 15 Pip → คุณอาจตั้ง SL ไว้ที่ 2x ATR หรือประมาณ 30 Pip
ถ้าตลาดผันผวนแรง → ตั้ง SL ไว้กว้างขึ้นเพื่อป้องกันโดนลากก่อนวิ่งไปทางที่ต้องการ
❗️ ข้อเสีย: ต้องใช้ Indicator ATR และมีความเข้าใจพื้นฐาน
🎯 เทคนิคการตั้ง Take Profit ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด
1️⃣ Fixed Take Profit (TP ตายตัว)
✅ ตั้ง Take Profit ไว้ที่ระดับ Pip คงที่ เช่น 20-50 Pip ต่อออเดอร์
✅ เหมาะกับเทรดเดอร์สาย Scalping และ Day Trading
📌 ตัวอย่าง:
เทรด GBP/USD → ตั้ง TP ไว้ที่ 30 Pip เหนือจุดเข้าเทรด
เทรดทองคำ (XAU/USD) → ตั้ง TP ไว้ที่ 50 Pip จากจุดเข้าเทรด
2️⃣ TP ตามแนวรับ-แนวต้าน (Support/Resistance)
✅ ตั้ง TP ตาม แนวรับ-แนวต้านหลัก ใน Timeframe ใหญ่
✅ เหมาะกับเทรดเดอร์สาย Swing Trading และ Trend Trading
📌 ตัวอย่าง:
ถ้าคุณ Sell EUR/USD และแนวรับถัดไปอยู่ที่ 1.0950 → ตั้ง TP ไว้ที่จุดนี้
ถ้าคุณ Buy XAU/USD และแนวต้านถัดไปอยู่ที่ 1940 → ตั้ง TP ไว้ใกล้แนวต้าน
3️⃣ TP ตาม Fibonacci Extension
✅ ใช้ Fibonacci Extension เพื่อหาจุดทำกำไร
✅ เหมาะกับเทรดเดอร์ที่ชอบเทรดตามเทรนด์และหาจุดทำกำไรในระยะกลาง
📌 ตัวอย่าง:
ลาก Fibonacci จากจุด Swing Low ไป Swing High → ใช้ระดับ 161.8% หรือ 261.8% เป็นจุด TP
ถ้าราคาอยู่ในเทรนด์ขาขึ้น → ตั้ง TP ที่ Fibonacci Extension เพื่อให้ได้กำไรสูงสุด
📊 เปรียบเทียบการตั้ง SL และ TP ให้เหมาะกับสไตล์การเทรด
สไตล์การเทรด | วิธีตั้ง Stop Loss | วิธีตั้ง Take Profit |
Scalping | Fixed SL หรือ Trailing SL | Fixed TP (10-20 Pip) |
Day Trading | ATR SL หรือ Fixed SL | TP ตามแนวรับ/แนวต้าน |
Swing Trading | TP ตาม Fibonacci หรือ S/R | TP ตามเป้าหมายระยะกลาง |
Trend Following | Trailing SL หรือ ATR SL | TP ตามเทรนด์ หรือ Fibonacci Extension |
⚠️ ข้อผิดพลาดที่มือใหม่มักทำเกี่ยวกับ SL และ TP
❌ 1. ตั้ง Stop Loss ใกล้เกินไป
ถ้าตั้ง SL ใกล้เกินไป อาจโดนลากออกก่อนที่ราคาจะวิ่งไปในทิศทางที่ต้องการ
📌 แก้ไข: ใช้ ATR หรือดูแนวรับแนวต้านเพื่อกำหนด SL ให้กว้างพอ
❌ 2. ไม่ตั้ง Take Profit แล้วปล่อยให้กำไรหายไป
หลายคนไม่ตั้ง TP เพราะคิดว่าราคาจะวิ่งต่อ แต่สุดท้ายราคากลับตัว ทำให้กำไรหายไปหมด
📌 แก้ไข: ตั้ง TP ที่เหมาะสม หรือใช้ Trailing Stop เพื่อล็อคกำไร
❌ 3. ใช้ Risk-Reward Ratio ไม่เหมาะสม
บางคนตั้ง SL ห่าง 50 Pip แต่ TP แค่ 10 Pip ซึ่งไม่คุ้มกับความเสี่ยงเลย!
📌 แก้ไข: ใช้ Risk-Reward Ratio ที่เหมาะสม เช่น 1:2 หรือ 1:3
🔎 เทคนิคการตั้ง SL และ TP ให้เหมาะกับ Risk-Reward Ratio (RR)
✅ Risk-Reward Ratio (RR) คือ อัตราส่วนความเสี่ยงต่อกำไร ที่เทรดเดอร์ใช้วางแผนการเทรด
✅ ถ้าคุณตั้ง SL 20 Pip และ TP 40 Pip → RR = 1:2
✅ ถ้าคุณตั้ง SL 50 Pip และ TP 100 Pip → RR = 1:2 เช่นกัน
💡 Tips:
ถ้าคุณต้องการกำไรระยะยาว ให้ใช้ RR 1:2 หรือ 1:3 เป็นอย่างน้อย
อย่าเสี่ยงเกิน 1-2% ของทุนในแต่ละออเดอร์ เพื่อป้องกันล้างพอร์ต
🎯 สรุป: เทคนิคการตั้ง Stop Loss และ Take Profit ให้เวิร์คที่สุด
✅ Scalping & Day Trading → ใช้ Fixed SL + TP ตามแนวรับ/แนวต้าน
✅ Swing Trading → ใช้ ATR SL + TP ตาม Fibonacci Extension
✅ Trend Following → ใช้ Trailing SL + TP ตามเทรนด์
📌 อย่าลืม:
ใช้ Risk-Reward Ratio (RR) อย่างน้อย 1:2 หรือ 1:3 เพื่อให้กำไรคุ้มกับความเสี่ยง
ทดลองตั้ง SL และ TP ในบัญชี Demo ก่อน เพื่อปรับให้เหมาะกับสไตล์การเทรดของคุณ
🚀 คุณเคยเจอปัญหาในการตั้ง SL/TP ไหม? หรือมีเทคนิคเด็ด ๆ ในการตั้ง SL/TP ที่อยากแชร์?
Comments